ห้องข่าวนักลงทุนสัมพันธ์

ไทยยูเนี่ยน ออกหุ้นกู้จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดของบริษัทฯ

<< กลับ 13 กรกฎาคม 2559

กรุงเทพฯ - 12 กรกฎาคม 2559, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ทียู หนึ่งในผู้ผลิตและแปรรูปอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก กำหนดอัตราผลตอบแทนสำหรับหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้มีอายุ 3 ปี อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี รวมกันเป็นมูลค่าหุ้นกู้รวม จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทน สำหรับหุ้นกู้อายุ 3 ปี อยู่ที่ 2.03% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.32% ต่อปี และสำหรับหุ้นกู้อายุ 7 ปี อยู่ที่ 2.79% ต่อปี หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA- โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขากรุงเทพฯ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงเป็นจำนวนมาก จนทำให้บริษัทตัดสินใจขยายวงเงินการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวน 6,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีมากกว่าแผนการออกหุ้นกู้ของบริษัทในตอนแรกถึง 3.25 เท่า เงินที่ได้รับส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset Backed Loans - ABLs) ที่บริษัทลูกในสหรัฐอเมริกาได้กู้ยืมมา การดำเนินการดังกล่าวจึงช่วยบริษัทในการจัดตั้งศูนย์กลางทางการบริหารเงิน (Global Treasury Center) ในประเทศไทย ช่วยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของทั้งกลุ่มบริษัทดีขึ้น และ ยังช่วยให้บริษัทสามารถถอนการค้ำประกันสินทรัพย์ที่มีอยู่ที่ได้วางเป็นหลักประกันไว้กับธนาคารซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัวในการเข้าถึงตลาดการเงินในอนาคต


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

เป็นเวลาเกือบ 40 ปีที่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ มีรสชาติที่ดี และสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภค วันนี้ไทย ยูเนี่ยนถือเป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมียอดขายมากกว่า125 พันล้านบาทต่อปี (3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีการจ้างงานกว่า 46,000 ตำแหน่งทั่วโลก และไทยยูเนี่ยนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมอาหารทะเลที่ยั่งยืน

เราเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก รวมทั้งแบรนด์ผู้นำตลาดในประเทศไทย อย่าง ซีเล็ค ฟิชโช และ เบลลอตต้า มาร์โว่ และแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Rügen Fisch

ในฐานะที่กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน เป็นบริษัทที่เชื่อมั่นในนวัตกรรม และการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราภูมิใจที่ได้เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค (UN Global Compact) และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (ISSF) รวมทั้งเป็นบริษัทอาหารแห่งแรกและบริษัทเดียวของประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ในปี 2557 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) หมวดอุตสาหกรรมอาหาร และในปี 2558 ก็ได้ร่วมอยู่ในดัชนีเดียวกันเป็นปีที่สองด้วยคะแนนรวมที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 67% จากการดำเนินงานพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ที่

คุณพันธมาศ กรีกุล
Head of External Communications & Media Relations
T: + 66(0)2 298 0024 ต่อ 4423
M: + 66 084 388 2617
E: pantamas.krikul@thaiunion.com